หน้าหมองคล้ำเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ต้องรู้วิธีแก้


”แย่จัง! หน้าดูมีความหมองคล้ำเกิดขึ้นได้ยังไง แล้วจะแก้ไขอย่างไรดีเนี่ย?” นับว่าเป็นปัญหาที่ต้องการทางออกเป็นอย่างมากสำหรับสาว ๆ ที่มีหน้าตาหมองคล้ำอย่างกับโดนของ ซึ่งการศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดจะช่วยลดความเสี่ยงทำผิวหน้าคล้ำหมองหม่น แน่นอนว่าเราไม่ทำให้ผิดหวังได้สืบเสาะจนพบว่าหน้าหมองคล้ำเกิดขึ้นได้จากหลายเหตุ แถมวิธีฟื้นฟูผิวหน้าแก้ปัญหาความหมองไปด้วยเลย ว่าแต่จะมีสาเหตุใดบ้าง วิธีแก้ต้องทำอย่างไรตามเรามาเลย

6 สาเหตุที่ทำให้หน้าหมอง เลี่ยงได้เลี่ยงให้ไว!



เป็นไปได้คงไม่มีใครอยากมีใบหน้าคล้ำหมองเหมือนโดนของ ซึ่งบางครั้งสาเหตุการเกิดก็มาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเรา ความไม่ใส่ใจเผอเรอของเราเอง โดยสาเหตุนั้นมีความกัน 6 อย่าง ดังนี้

1. มีความเครียดสะสม
ในชีวิตประจำวันบางคนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีความเครียด หรือเครียดสะสม โดยความเครียดที่มีส่งผลกระทบได้ทั้งกายและใจ เมื่อเครียดผิวพรรณก็จะไม่มีชีวิตชีวา เกิดความคล้ำหมอง ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ แปรปรวน นอกจากนี้ยังทำให้เกิดริ้วรอย เกิดสิวยากจะแก้ไขอีกด้วย

2. ไม่กินผัก ผลไม้เลย
หลาย ๆ คนมักจะเกลียดหรือไม่ชอบกินผัก ผลไม้แล้วก็ไม่พยายามกินให้ได้เสียด้วย การกระทำเช่นนี้ย่อมทำให้ผิวหน้าได้ไม่รับวิตามินหรือสารต่าง ๆ เช่น คอลลาเจน ที่มีประโยชน์ในผักหรือผลไม้เลย ทำให้ผิวจากที่จะมีโอกาสกระจ่างใสก็กลับกลายเป็นหมองหม่น ไม่เด้งตึงไปได้

3. อยู่กับแสงไฟหรือจอต่าง ๆ มากเกินไป
ด้วยความที่แสงไฟนีออน รวมถึงแสงจากจอต่าง ๆ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน โน๊ตบุ้ค แท็ปเล็ต ฯลฯ มีความรุนแรงแล้วเมื่อใบหน้าของเราไปอยู่โดยตรงมาก ๆ ก็จะทำให้ผิวหน้าเกิดความหมองคล้ำได้ เห็นแบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องดวงตาแต่ยังเป็นเรื่องของผิวหนังอีก ยังไงก็เพลา ๆ ลงกันหน่อยนะ

4. ทาครีมกันแดดวันละ 1 ครั้ง
แน่นอนว่าแสงแดดทำให้ผิวหน้าเกิดความหมองคล้ำได้มากที่สุด แต่การปกป้องด้วยครีมกันแดดเพียงวันละ 1 ครั้งยังไม่เพียงพอ เพราะระหว่างวันครีมกันแดดเจือจางได้ก็หายไปได้ในที่สุด และเมื่อออกไปโดนแสงแดดอีกเส้นใยในผิวหนัง (อีลาสติน) ถูกทำลายไปก็จะทำให้เกิดหน้ามีความคล้ำหมอง แถมเกิดริ้วรอย ผิวแห้งกร้านไปอีก

5. ดื่มน้ำน้อย
โดยทั่วไปแล้วเราควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แต่ถึงกระนั้นก็คงเป็นไปได้ยากสำหรับใครบางคน และหากใครที่ดื่มน้อยกว่า 8 แก้ว เข้าข่ายเสี่ยงเกิดผิวหน้ามีความหมองคล้ำได้เช่นกัน เพราะร่างกายจะขาดหน้า ทำให้ผิวหน้าแห้ง ไม่มีชีวิตชีวา ผิวก็จะไม่กระจ่างใสเปล่งปลั่งกลายเป็นคล้ำหมองไปเลย

6. ไม่สครับผิวหน้าเลย
ต้องบอกว่าร่างกายจะผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วภายใน 28 วัน แต่การผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกช้านั้นก็จะทำให้ผิวแห้งกร้านละหมองคล้ำได้ ดังนั้น การไม่สครับผิวหน้าเลยเท่ากับว่าต้องรอร่างกายผลัดไปเอง ซึ่งการสครับผิวหน้าจะช่วยกระตุ้นเซลล์ใหม่ให้สร้างขึ้นมาแทนที่ ผิวกระจ่างใส

วิธีฟื้นฟูผิวหน้าหมองคล้ำ เพิ่มความกระจ่างใสผิวเปล่งปลั่ง



เมื่อเกิดผิวหน้ามีความหมองคล้ำแล้วก็ควรแก้ไขความหมองคล้ำให้มลายหายไปในที่สุด โดยวิธีแก้ปัญหาหน้าหมองคล้ำก็ไม่ยากเพียงแต่ต้องทำอย่างถูกจุด อย่าง ใครที่ต้องออกแดดเป็นประจำ หรือทำความร่วมกับจอต่าง ๆ ในทุก ๆ วันแนะนำให้ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 – 3 ชั่วโมง ซึ่งควรมีค่า SPF มากกว่า 30 เลือกกินอาหารหรือวิตามินซีเสริมเพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหน้ามีความแข็งแรง เช่น สตรอเบอรี่ มะละกอ ส้ม ฯลฯ แต่ถ้าใครอยากกินเป็นอาหารเสริมวิตามินแนะนำปรึกษาแพทย์ ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้วหรือมากกว่าคือเยี่ยมมาก มาร์กบำรุงผิวหน้ารวมทั้งดวงตาอาจจะใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น มะขามเปียก โยเกิร์ตน้ำผัง มะนาว ฯลฯ มามาร์กใบหน้า และแตงกวา มะเขือเทศ มันฝรั่งมามาร์กดวงตา โดยมาร์กทิ้งไว้ประมาณ 20 – 30 นาที หรือหากใครจะใช้ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าก็ได้ ฟื้นฟูผิวหน้าหมองคล้ำ แนะนำเลือกสูตรเพิ่มความกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ
มาถึงตรงนี้ใครอยากฟื้นฟู แก้ปัญหาเร่งด่วนแล้วยังมีคำถามหน้าหมองคล้ำ ใช้อะไรดีแนะนำเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงหน้า หรือครีมบำรุงหน้าที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส อาจจะมีส่วนผสมของเซรั่มไปด้วยก็ได้ รวมถึงเสริมความงามจากแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะ ลอกผิวหน้า กรอผิวเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ลอกหน้าด้วยเลเซอร์ กระตุ้นเซลล์ผิวใหม่มาทดแทน ฯลฯ

จะเห็นได้ว่าผิวหน้าที่หมองคล้ำส่วนหนึ่งเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมของเราเอง ใครที่เข้าข่ายสาเหตุข้างต้นแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองอย่างโดยเร็ว เพื่อลดความเสี่ยงเกิดความหมองคล้ำ หรือทำให้ผิวหน้ากลับมากระจ่างใสได้ทันท่วงที แต่หากใครผิวหน้าเกิดความหมองคล้ำไปแล้วจะลองนำวิธีฟื้นฟูไปทำตามดูก็สามารถเลือกทำได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์เลยก็ย่อมได้ แล้วเรามามีผิวหน้าสวยกระจ่างใส ไม่หมองเหมือนโดนของไปพร้อม ๆ กัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *